ม.1_Part2
ตัวอย่างข้อสอบสำหรับสอบคัดเลือก Minimum Standard Requirement (MSR)
เพื่อเข้าศึกษาในโรงเรียนสาธิตพัฒนา ฝ่ายมัธยม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2565
กรุณาอ่านคำอธิบายให้เข้าใจ ก่อนลงมือทำข้อสอบ ข้อสอบทดลองระบบสอบออนไลน์ครั้งนี้ เป้าหมายเพื่อให้ผู้สอบมีความรู้ความเข้าใจ และข้อควรระวังในการสอบ โดยจำลองเวลาสอบ จำนวนข้อในระบบทดลองสอบออนไลน์เป็นเพียงบางส่วนของการสอบจริง ทางโรงเรียนขอสงวนสิทธิ์ไม่แจ้งจำนวนของข้อสอบจริงให้ผู้เข้าสอบทราบก่อน แบบทดสอบฉบับนี้มีเวลาทำข้อสอบ 40 นาที ข้อสอบส่วนที่ 2 ทั้งหมด 17 ข้อ ประกอบด้วย ตอนที่ 3 วิทยาศาสตร์ แบบปรนัย 8 ข้อ (ข้อ 1 - 8) ตอนที่ 4 การอ่าน คิด วิเคราะห์ แบบปรนัย 9 ข้อ (ข้อ 9 - 17) |
ข้อสอบนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ โรงเรียนสาธิตพัฒนา ฝ่ายมัธยม
การทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่เอกสารดังกล่าว จะถูกดําเนินคดีตามกฎหมาย |
“เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง” จากคำกล่าวของนโปเลียน โบนาปาร์ต กษัตริย์ประเทศฝรั่งเศสที่ว่านี้เอง ทำให้เกิดแรงกระตุ้นในการหาวิธีการเก็บรักษาอาหารให้ได้ระยะเวลานาน ๆ ซึ่งในช่วงแรกเริ่มนั้น ภาชนะที่นิยมใช้บรรจุอาหารมี 2 ชนิด คือ ภาชนะที่ทำจากแก้วและภาชนะที่ทำจากเหล็ก แต่สุดท้ายแล้ว ภาชนะที่ทำจากเหล็กได้รับความนิยมมากกว่า การบรรจุอาหารใส่กระป๋องเหล็กได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพราะอาหารกระป๋องช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งทำให้สามารถจัดส่งสินค้าหรือนำติดตัวออกไปในสถานที่ห่างไกลจากโรงงานผลิตได้โดยอาหารไม่บูดเน่าหรือเสียขณะที่การบรรจุเครื่องดื่มในกระป๋องมีจุดเริ่มต้นช้ากว่าแต่มีจุดเริ่มต้นเหมือนกัน คือ บรรจุในขวดแก้วก่อนจากนั้นก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อบรรจุในกระป๋องเหล็กแต่ทุกวันนี้ผู้ผลิตเครื่องดื่มได้หันมาใช้กระป๋องอะลูมิเนียมแทนเนื่องจากอะลูมิเนียมมีข้อได้เปรียบหลายอย่าง ได้แก่
ก. กระป๋องอะลูมิเนียมมีน้ำหนักเบากว่ากระป๋องเหล็ก – ความหนาแน่นของอะลูมิเนียมประมาณ 2.7 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ในขณะที่เหล็กมีความหนาแน่น 7.7 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร
ข. กระป๋องอะลูมิเนียมไม่เป็นสนิมเหมือนเหล็ก – เนื่องจากการเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ ของอะลูมิเนียมได้สารออกไซด์ของอะลูมิเนียมที่เป็นฟิล์มบางๆเคลือบผิวของอะลูมิเนียม ในขณะที่เหล็กจะเกิดเป็นสนิม ที่กัดกร่อนผิวของเหล็กเอง
ค. การเคลือบผิวอะลูมิเนียมด้วยแลกเกอร์ทำได้ง่ายและติดแน่นกว่า
ง. อะลูมิเนียมต้านทานการกัดกร่อนได้ดีเยี่ยม
“เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง” จากคำกล่าวของนโปเลียน โบนาปาร์ต กษัตริย์ประเทศฝรั่งเศสที่ว่านี้เอง ทำให้เกิดแรงกระตุ้นในการหาวิธีการเก็บรักษาอาหารให้ได้ระยะเวลานาน ๆ ซึ่งในช่วงแรกเริ่มนั้น ภาชนะที่นิยมใช้บรรจุอาหารมี 2 ชนิด คือ ภาชนะที่ทำจากแก้วและภาชนะที่ทำจากเหล็ก แต่สุดท้ายแล้ว ภาชนะที่ทำจากเหล็กได้รับความนิยมมากกว่า การบรรจุอาหารใส่กระป๋องเหล็กได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพราะอาหารกระป๋องช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งทำให้สามารถจัดส่งสินค้าหรือนำติดตัวออกไปในสถานที่ห่างไกลจากโรงงานผลิตได้โดยอาหารไม่บูดเน่าหรือเสียขณะที่การบรรจุเครื่องดื่มในกระป๋องมีจุดเริ่มต้นช้ากว่าแต่มีจุดเริ่มต้นเหมือนกัน คือ บรรจุในขวดแก้วก่อนจากนั้นก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อบรรจุในกระป๋องเหล็กแต่ทุกวันนี้ผู้ผลิตเครื่องดื่มได้หันมาใช้กระป๋องอะลูมิเนียมแทนเนื่องจากอะลูมิเนียมมีข้อได้เปรียบหลายอย่าง ได้แก่
ก. กระป๋องอะลูมิเนียมมีน้ำหนักเบากว่ากระป๋องเหล็ก – ความหนาแน่นของอะลูมิเนียมประมาณ 2.7 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ในขณะที่เหล็กมีความหนาแน่น 7.7 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร
ข. กระป๋องอะลูมิเนียมไม่เป็นสนิมเหมือนเหล็ก – เนื่องจากการเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ ของอะลูมิเนียมได้สารออกไซด์ของอะลูมิเนียมที่เป็นฟิล์มบางๆเคลือบผิวของอะลูมิเนียม ในขณะที่เหล็กจะเกิดเป็นสนิม ที่กัดกร่อนผิวของเหล็กเอง
ค. การเคลือบผิวอะลูมิเนียมด้วยแลกเกอร์ทำได้ง่ายและติดแน่นกว่า
ง. อะลูมิเนียมต้านทานการกัดกร่อนได้ดีเยี่ยม
- สารแบบที่ 1 เปลี่ยนรูปทรงตามภาชนะที่บรรจุและอนุภาคของสารกระจายตัวจนเต็มภาชนะ
- สารแบบที่ 2 เปลี่ยนรูปทรงตามภาชนะที่บรรจุ แต่ปริมาตรของสารยังคงที่
- สารแบบที่ 3 มีรูปทรงที่แน่นอน ไม่เปลี่ยนแปลงรูปทรงตามภาชนะที่บรรจุ
การสังเกตสารแต่ละแบบของเด็กชายเอข้อใดถูกต้อง
ก. การกลายเป็นไอของเกล็ดไอโอดีน
ข. การที่น้ำแข็งหลอมเหลวเป็นน้ำ
ค. การเผาไหม้ของแอลกอฮอล์ที่ใส้ตะเกียงแอลกอฮอล์
ง. การเกิดสนิมบนที่กั้นลมและตะแกรงเหล็ก
A |
B |
C |
D |
E |
F |
|
1 |
ลำดับ |
รายการ |
ราคาต่อหน่วย |
จำนวน |
หน่วย |
รวมเป็นเงิน |
2 |
1 |
ปากกาลูกลื่นสีน้ำเงิน |
6 |
10 |
ด้าม |
a |
3 |
2 |
ปากกาเคมีสีน้ำเงิน |
15 |
3 |
ด้าม |
b |
4 |
3 |
ดินสอ 2B |
9 |
10 |
แท่ง |
c |
5 |
4 |
เทปใส 1/2 นิ้ว |
33 |
5 |
ม้วน |
d |
6 |
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น |
e |
ข้อใดใช้วิธีการคำนวณเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในตารางที่ ถูกต้อง
ชนิดของสัตว์ |
ลักษณะภายใน |
ลักษณะภายนอก |
A |
หายใจด้วยปอด |
ไม่มีขา ผิวหนังมีเกล็ด |
B |
หายใจด้วยปอด |
มีขนเป็นเส้น มีต่อมสร้างน้ำนม |
C |
ออกลูกเป็นไข่ |
มีเกล็ด แข็ง หยาบขรุขระ |
D |
หายใจด้วยเหงือก ออกลูกเป็นไข่ |
มีเกล็ด มีครีบ |
E |
หายใจด้วยปอด |
ขนเป็นเส้น สามารถควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ได้ |
F |
หายใจด้วยปอด |
มีขนเป็นแผง |
แก้วและเพื่อนๆได้อภิปรายและจัดกลุ่มสัตว์ไว้ดังนี้
แก้ว : A และ F อยู่ในกลุ่มนก
กล้า : A และ C อยู่ในกลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน
ก้อย : D และ E อยู่ในกลุ่มปลา
ก้อง : B และ E อยู่ในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
กลม : B และ F อยู่ในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก
บุคคลในข้อใดจัดกลุ่มสัตว์ได้ถูกต้อง
คำชี้แจง
๑. ให้นักเรียนอ่านบทความที่กำหนดให้แล้วตอบคำถาม ”จริง” , “ไม่จริง” หรือ “อื่นๆ” ที่กำหนดในลำดับถัดไป ตามข้อความในบทอ่าน
๒. ข้อสอบทั้งหมดมี ๙ ข้อ
คำชี้แจง
๑. ให้นักเรียนอ่านบทความที่กำหนดให้แล้วตอบคำถาม ”จริง” , “ไม่จริง” หรือ “อื่นๆ” ที่กำหนดในลำดับถัดไป ตามข้อความในบทอ่าน
๒. ข้อสอบทั้งหมดมี ๙ ข้อ
๙. คำว่า “Timeline” สามารถแทนที่ได้ด้วยคำภาษาไทยในข้อใด
๑๖. จุดประสงค์ของผู้เขียนคืออะไร
จงพิจารณาบทความต่อไปนี้แล้วตอบคำถาม ข้อ ๑๖ – ๑๗
(๑) โลกของเราในยุคปัจจุบันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีหลายอย่างเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย กาลเวลาได้สร้างค่านิยมให้แก่มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย อาหารการกิน แฟชั่น เครื่องมือสื่อสาร การศึกษา ฯลฯ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว บ้างก็ก่อให้เกิดผลที่ดีขึ้น บ้างก็ลิดรอนประโยชน์ ก่อให้เกิดโทษแต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ทุกคนในสังคมไม่อยากให้เปลี่ยนแปลงไป นั่นคือ การใช้ภาษา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะภาษาเขียน พบว่าการเขียนภาษาไทยในปัจจุบันมีการเขียนผิดมาก โดยเฉพาะในสื่อออนไลน์ และมีการคิดค้นคำเขียนหรือคำพูดที่ผิดออกไปจากการเขียนที่ถูกต้องของภาษาไทย
(๒) ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นรวมถึงการสื่อสารที่ทันสมัยทำให้เกิดค่านิยมใหม่ ๆ ขึ้น ซึ่งเยาวชนไทยในปัจจุบันหรือวัยรุ่นไทยได้รับค่านิยมที่ผิดๆ มาใช้ นั่นคือการใช้ภาษาแบบผิด ๆ โดยไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา ส่วนใหญ่วัยรุ่นจะคิดว่าเป็นเรื่องที่เก๋ เท่ห์ หากไม่ได้ใช้ภาษานี้จะถูกมองว่า “ตกเทรนด์” แต่หารู้ไม่ว่า การใช้ภาษาเหล่านี้ทำให้ภาษาไทยของเราเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงและทำให้เยาวชนรุ่นหลังใช้ภาษาที่ผิด ๆ ตามไปด้วย ประเทศไทยเรานั้นมีภาษาชาติ เป็นภาษาที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง แสดงถึงความเป็นเอกราชทางภาษาและความภาคภูมิใจ แต่เยาวชนบางส่วนกลับไม่รู้คุณค่าของสิ่งล้ำค่านี้
(๓) โดยเยาวชนกลุ่มนี้ไม่คิดว่าการใช้ภาษาไทยที่ผิด ๆ ของวัยรุ่นนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้ภาษาไทยวิบัติลงไป
จริง ๆ ซึ่งจะเห็นได้จากที่วัยรุ่นใช้สื่อสารกันทาง MSN Line Facebook หรือ Twitter เช่นคำว่า หวัดดี/หวาดดี-สวัสดี, ทามไรอยุ่-ทำอะไรอยู่, ฝรรดีนะ/ฝานดีนะ-ฝันดีนะ, ค่า/คร๊ะ/ค้ะ-คะ, ชิมิ/ชิมะ/ชะมะ-ใช่ไหม,
ขอโทดนะค่ะ-ขอโทษนะคะ เป็นต้น คำเหล่านี้มีผลทำให้พิมพ์ง่าย สื่อสารกันได้เร็ว แต่ถ้าคิดอีกแง่มุมหนึ่ง การที่ภาษาไทย ๑ คำ สามารถเขียนได้หลายแบบ อาจเป็นเพราะภาษาไทยมีพยัญชนะที่ออกเสียงเหมือน ๆ กัน มีสระที่เสียงคล้าย ๆ กัน จึงทำให้สามารถเขียนออกมาได้หลายแบบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาษาไทยนั้นสามารถดัดแปลง เปลี่ยนแปลงคำได้หลากหลาย โดยที่ความหมายเหมือนเดิม แต่ลักษณะการเขียนผิดออกไป เป็นเสมือนการสร้างคำ สร้างภาษาให้มีการวิบัติมากขึ้น
(๔) การที่คนไทยเรา พูด อ่าน และเขียนภาษาไทยเป็นประจำทุกวัน จนเกิดความเคยชิน อาจจะทำให้
หลาย ๆ คนไม่รู้สึกว่า “ภาษาไทย” มีความสำคัญแค่ไหน และมีคุณค่าเพียงไร หากจะเปรียบก็คงเหมือนกับ “อากาศ” ที่เราหายใจเข้าหายใจออกอยู่ตลอดเวลา จนเราแทบไม่รู้ค่าว่า หากขาดอากาศเมื่อไร เราก็ตายเมื่อนั้น ถึงแม้ว่า “ภาษาไทย” จะไม่เหมือนอากาศที่ทำให้เราถึงกับตาย แต่ถ้าหากชาติไทยเราขาด “ภาษาไทย” แล้วเราจะภาคภูมิใจในภาษาที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมได้อย่างไร
เรียบเรียงโดย : สมบูรณ์ ทองสำอาง
ที่มา : https://www.sp.ac.th/2018/thai-typo-crisis/
จงพิจารณาบทความต่อไปนี้แล้วตอบคำถาม ข้อ ๑๖ – ๑๗
(๑) โลกของเราในยุคปัจจุบันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีหลายอย่างเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย กาลเวลาได้สร้างค่านิยมให้แก่มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย อาหารการกิน แฟชั่น เครื่องมือสื่อสาร การศึกษา ฯลฯ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว บ้างก็ก่อให้เกิดผลที่ดีขึ้น บ้างก็ลิดรอนประโยชน์ ก่อให้เกิดโทษแต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ทุกคนในสังคมไม่อยากให้เปลี่ยนแปลงไป นั่นคือ การใช้ภาษา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะภาษาเขียน พบว่าการเขียนภาษาไทยในปัจจุบันมีการเขียนผิดมาก โดยเฉพาะในสื่อออนไลน์ และมีการคิดค้นคำเขียนหรือคำพูดที่ผิดออกไปจากการเขียนที่ถูกต้องของภาษาไทย
(๒) ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นรวมถึงการสื่อสารที่ทันสมัยทำให้เกิดค่านิยมใหม่ ๆ ขึ้น ซึ่งเยาวชนไทยในปัจจุบันหรือวัยรุ่นไทยได้รับค่านิยมที่ผิดๆ มาใช้ นั่นคือการใช้ภาษาแบบผิด ๆ โดยไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา ส่วนใหญ่วัยรุ่นจะคิดว่าเป็นเรื่องที่เก๋ เท่ห์ หากไม่ได้ใช้ภาษานี้จะถูกมองว่า “ตกเทรนด์” แต่หารู้ไม่ว่า การใช้ภาษาเหล่านี้ทำให้ภาษาไทยของเราเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงและทำให้เยาวชนรุ่นหลังใช้ภาษาที่ผิด ๆ ตามไปด้วย ประเทศไทยเรานั้นมีภาษาชาติ เป็นภาษาที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง แสดงถึงความเป็นเอกราชทางภาษาและความภาคภูมิใจ แต่เยาวชนบางส่วนกลับไม่รู้คุณค่าของสิ่งล้ำค่านี้
(๓) โดยเยาวชนกลุ่มนี้ไม่คิดว่าการใช้ภาษาไทยที่ผิด ๆ ของวัยรุ่นนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้ภาษาไทยวิบัติลงไป
จริง ๆ ซึ่งจะเห็นได้จากที่วัยรุ่นใช้สื่อสารกันทาง MSN Line Facebook หรือ Twitter เช่นคำว่า หวัดดี/หวาดดี-สวัสดี, ทามไรอยุ่-ทำอะไรอยู่, ฝรรดีนะ/ฝานดีนะ-ฝันดีนะ, ค่า/คร๊ะ/ค้ะ-คะ, ชิมิ/ชิมะ/ชะมะ-ใช่ไหม,
ขอโทดนะค่ะ-ขอโทษนะคะ เป็นต้น คำเหล่านี้มีผลทำให้พิมพ์ง่าย สื่อสารกันได้เร็ว แต่ถ้าคิดอีกแง่มุมหนึ่ง การที่ภาษาไทย ๑ คำ สามารถเขียนได้หลายแบบ อาจเป็นเพราะภาษาไทยมีพยัญชนะที่ออกเสียงเหมือน ๆ กัน มีสระที่เสียงคล้าย ๆ กัน จึงทำให้สามารถเขียนออกมาได้หลายแบบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาษาไทยนั้นสามารถดัดแปลง เปลี่ยนแปลงคำได้หลากหลาย โดยที่ความหมายเหมือนเดิม แต่ลักษณะการเขียนผิดออกไป เป็นเสมือนการสร้างคำ สร้างภาษาให้มีการวิบัติมากขึ้น
(๔) การที่คนไทยเรา พูด อ่าน และเขียนภาษาไทยเป็นประจำทุกวัน จนเกิดความเคยชิน อาจจะทำให้
หลาย ๆ คนไม่รู้สึกว่า “ภาษาไทย” มีความสำคัญแค่ไหน และมีคุณค่าเพียงไร หากจะเปรียบก็คงเหมือนกับ “อากาศ” ที่เราหายใจเข้าหายใจออกอยู่ตลอดเวลา จนเราแทบไม่รู้ค่าว่า หากขาดอากาศเมื่อไร เราก็ตายเมื่อนั้น ถึงแม้ว่า “ภาษาไทย” จะไม่เหมือนอากาศที่ทำให้เราถึงกับตาย แต่ถ้าหากชาติไทยเราขาด “ภาษาไทย” แล้วเราจะภาคภูมิใจในภาษาที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมได้อย่างไร
เรียบเรียงโดย : สมบูรณ์ ทองสำอาง
ที่มา : https://www.sp.ac.th/2018/thai-typo-crisis/
๑๗. จากบทความในย่อหน้าที่ ๓. เป็นการใช้โวหารประเภทใด
ให้กับคนรู้จักมากน้อยเพียงใด (คะแนน 1-10)